คลินิกฐาปนีย์กายภาพบำบัด

เตือนนั่งไขว่ห้าง พับเพียบ ขัดสมาธิ เสี่ยงปวดหลัง ปวดเข่า


5-Nov-2009,8:17 PM

นักกายภาพบำบัด เตือน หนุ่ม-สาวออฟฟิศ นั่งทำงานผิดท่า ใช้คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กนานๆ ทำให้ปวดคอมากที่สุด ส่วนนั่งไขว่ห้าง พับเพียบ ขัดสมาธิ เสี่ยงปวดหลัง ปวดเข่า แนะขยับเปลี่ยนท่าบ่อยๆ อย่าทิ้งน้ำหนักข้างใดข้างหนึ่งนานๆ ชี้แค่ใส่กระเป๋าสตางค์หลังกางเกงก็ส่งผลปวดหลัง ลงบันไดทีละ 2 ขั้น ข้อเข่าเสื่อม

วันนี้ (17 ต.ค.) สภากายภาพบำบัด สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย สถาบันผู้ผลิตบัณฑิตกายภาพ บำบัด ร่วมกันแถลงข่าวสัปดาห์กายภาพบำบัดแห่งชาติ ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 22- 27 ต.ค.นี้ โดยผศ.ปรีชา ธันวารชร อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนคนไทยตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยสูงอายุมีอาการปวดเข่า คอ หลัง ไหล่ ประมาณ 30% ของโรคอื่นๆ ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่มีท่าทางนั่ง เดิน ยืน นอน ที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนั่งพับเพียบ นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิและนั่งไขว่ห้าง ซึ่งมีลักษณะการนั่งที่ถ่ายน้ำหนักไปด้านใดด้านหนึ่งซ้ำๆ เป็นเวลานานๆ ส่งผลให้เกิดอาการปวดเข่าและปวดหลังได้ง่าย วิธีการป้องกันจึงควรนั่งสลับเปลี่ยนด้านบ่อยๆ เพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวตกที่ข้างใดข้างหนึ่งมากจนเกินไป โดยผู้หญิงอายุเกิน 30 ปี จะเสี่ยงต่อการปวดเข่ามากกว่าผู้ชาย เพราะเชิงกรานใหญ่ จากการคลอดลูกหรือใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้ข้อต่อยึดและขยายตัวได้ยาก

ผศ.ปรีชา กล่าวต่อว่า ส่วนอาการปวดเข่าในกลุ่มวัยรุ่น ส่วนใหญ่เกิดจากการทำกิจวัตรประจำวันที่จัดอยู่ในภาวะเสี่ยงของอาการปวดเข่า โดยไม่รู้ตัว เช่น การเดิน วิ่ง กระโดดขึ้นลงบันไดทีละ 2-3 ขั้น เพราะน้ำหนักตัวจะตกที่เข่ามากถึง 1.5-2 เท่าของน้ำหนักตัว ทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลจะไปเร้าข้อเข่าให้เกิดความไม่สมดุลจึงเกิด อาการปวดขึ้น นอกจากนี้ อาการปวดหลังและไหล่ ที่พบ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการนั่งทับกระเป๋าสตางค์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้าน หลังเป็นเวลานาน ทำให้แกนร่างกายไม่สมดุล
“พนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง อาทิ นั่งหลังงอ จะทำให้บล็อกกระดูกสันหลังไปกดทับเส้นประสาท จนเกิดอาการชาตามแขนและขา จึงต้องขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ และคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งแบบตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊ก หากวางตำแหน่งคีย์บอร์ด หรือ เมาส์ ในลักษณะที่ทำให้บ่า หรือไหล่ไม่สมดุล ข้างใดข้างหนึ่งสูงเกินไป รวมถึง นั่งทำงานแล้วต้องก้มหน้ามากๆ จะเกิดอาการเกร็งจนเกิดการกดเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดคอ ซึ่งถือเป็นอาการปวดที่พบมากที่สุด วิธีง่ายที่จะช่วยป้องกัน คือ การเคลื่อนไหวคอในท่าก้มเงย ตะแคงหรือหันซ้ายขวา เป็นต้น”ผศ.ปรีชา กล่าว

ผศ.ปรีชา กล่าวด้วยว่า หลักการของกายภาพบำบัดเป็นการรักษาด้วยวิธีการวิทยาศาสตร์ที่ไม่ใช่เพียงการ นวดเท่านั้น แต่ใช้วิธีการรักษาหลายๆ อย่างประกอบกัน ทั้งการนวด การประคบร้อนเย็น การใช้เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ โดยได้รับการวินิจฉัยจากนักกายภาพบำบัดก่อน นอกจากนี้ ประชาชนสามารถที่จะนำท่าทางการออกกำลังกาย หรือ ท่าทางการเดิน นั่ง ยืน นอน ที่ถูกต้องไปปฏิบัติ เพื่อป้องกันการเกิดโรคได้

ที่มา http://www.assumpboard.com/